สหรัฐฯ พบ “กระต่ายป่ามีเขาเต็มใบหน้า” ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้หลีกเลี่ยง!
(คำเตือน: ผู้ที่มีอาการกลัวรู กลัวเนื้องอก หรือสิ่งผิดปกติ ควรใช้วิจารณญาณในการชมภาพประกอบ)
สื่อในสหรัฐฯ รายงานว่า ชาวเมืองฟอร์ตคอลลินส์ รัฐโคโลราโด พบกระต่ายป่าจำนวนหนึ่ง มีเนื้องอกคล้ายเขาสัตว์สีดำ ที่น่าตกใจงอกออกมาจากศีรษะ โดยเนื้องอกเหล่านี้งอกออกมาจากแก้มและหลังหู เกือบจะคลุมไปทั่วทั้งใบหน้า ทำให้กระต่ายที่ดูอ่อนโยนและน่ารักกลับกลายเป็นสัตว์ที่น่าเกลียดน่ากลัว
ชาวบ้านคนหนึ่งเล่าว่า กระต่ายตัวนี้กลับมาที่สวนหลังบ้านของเธอเป็นปีที่สองแล้ว
“ฉันคิดว่ามันจะตายในช่วงฤดูหนาว แต่มันก็ไม่ตาย ปีที่สองมันกลับมาอีก และเนื้องอกบนหน้ามันก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ”
กรมอุทยานและสัตว์ป่ารัฐโคโลราโด ได้ยืนยันว่า นี่คือ เนื้องอกหูดที่เกิดจาก ไวรัสโชป ปาปิโลมา (Shope papilloma virus – SPV) ซึ่งมีลักษณะคล้ายเซลล์มะเร็งชนิดไม่ร้ายแรง และไม่มีอันตรายต่อคนหรือสัตว์เลี้ยง แต่สามารถแพร่กระจายในหมู่กระต่ายด้วยกันผ่านการกัดของยุงและเห็บ ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษา เนื้องอกเหล่านี้ส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตรายต่อกระต่าย เว้นแต่จะไปบดบังดวงตาหรือปากจนกระทบต่อการกินอาหาร แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้เตือนให้ประชาชน อยู่ห่างๆ และอย่าพยายามเข้าไปช่วยพวกมัน
นักวิจัยชี้ว่า สถานการณ์คล้ายกันนี้เคยเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะกับกระต่ายพันธุ์ Cotton-tail ซึ่งในระยะแรกจะเกิดจุดนูนสีแดงบนผิวหนัง ก่อนจะกลายเป็นเนื้องอกคล้ายหูดในที่สุด ส่วนใหญ่แล้วเนื้องอกเหล่านี้จะกลายเป็นเขาสัตว์หรือหนวดที่งอกบนหัวของกระต่ายในภูมิภาคมิดเวสต์ แต่บางกรณีก็อาจกลายเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดร้ายแรงที่สามารถคร่าชีวิตกระต่ายได้ หากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา
เชื้อไวรัสโชป ปาปิโลมา (Shope papilloma virus – SPV)
หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไวรัสปาปิโลมากระต่ายหางปุย (Cottontail Rabbit Papilloma Virus – CRPV) หรือ คัปปาปาปิโลมาไวรัส 2 (Kappapapilloma Virus 2) คือไวรัสปาปิโลมาชนิดหนึ่งที่แพร่เชื้อในสัตว์ตระกูลกระต่ายบางชนิด ทำให้เกิดเนื้องอกเคราตินที่มีลักษณะคล้ายเขา โดยมักจะเกิดขึ้นที่บริเวณศีรษะของสัตว์ เนื้องอกเหล่านี้สามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกาย หรือโตจนใหญ่ขัดขวางการกินอาหารของสัตว์ ทำให้สัตว์อดอาหารตายได้
ริชาร์ด อี. โชป (Richard E. Shope) เป็นผู้ที่ทำการศึกษาเนื้องอกลักษณะดังกล่าวและค้นพบไวรัสนี้ในปี 1933 ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการศึกษาไวรัสก่อมะเร็ง (Oncoviruses) ไวรัสนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในกระต่ายหางปุย (Cottontail Rabbits) ทางตอนกลางของสหรัฐฯ แต่สามารถแพร่เชื้อไปยังกระต่ายชนิดอื่นได้ด้วย เช่น กระต่ายแปรง (Brush Rabbits), กระต่ายแจ็คหางดำ (Black-tailed Jackrabbits), กระต่ายสโนว์ชู (Snowshoe Hares), กระต่ายยุโรป (European Rabbits) และกระต่ายเลี้ยง (Domestic Rabbits)
แม้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จะระบุว่า วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการให้กระต่ายอยู่ห่างจากแมลง โดยเฉพาะยุงหรือเห็บ และเนื้องอกเหล่านี้อาจหายไปเอง แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันว่า เนื้องอกบนหัวของกระต่ายในบริเวณนี้มักจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนอาจกระทบต่อการกินอาหารและทำให้กระต่าย อดตายในที่สุด!
เนื้อหาที่น่าสนใจ
กรุงเทพฯ ติดอันดับที่ 11 เมืองที่มีค่าครองชีพ สูงที่สุดในโลกปี 2025
“วิ่งให้สร่างเมา” หนุ่มบราซิลเมาแอ๋ สวมรองเท้าแตะร่วมวิ่งมาราธอน 8K โดยไม่ได้สมัคร จนผู้จัดมอบเหรียญ!
“ไข่โคเมตสึยะ” ไข่แดงที่ไม่แดง นวัตกรรมสุดแปลกจากญี่ปุ่น
ยูทูบเบอร์หนุ่มเกาหลี “แต่งหญิง” เที่ยวอินเดีย เจอคุกคามหนัก
เรื่องราวของ แอนเนลีส มิเชล หญิงสาวที่เสียชีวิตจากการทำพิธีไล่ผี
พบวาฬเกยตื้นชายฝั่งชิบะ อาจเกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหววันที่ 30 หรือไม่?