นวัตกรรมเลเซอร์กำจัดขยะอวกาศ ความร่วมมือจากอินเดียและญี่ปุ่น

ความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างอินเดียและญี่ปุ่นกำลังเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมอวกาศ เมื่อบริษัทน้องใหม่ด้านอวกาศจากทั้งสองประเทศผนึกกำลังกันเพื่อจัดการกับปัญหาที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นอย่าง ‘ขยะอวกาศ’

นวัตกรรมกำจัดขยะอวกาศด้วยเลเซอร์
บริษัท อินสเปซิตี้ (In-Space-iT) จากอินเดีย ผู้เชี่ยวชาญด้านหุ่นยนต์อวกาศ และบริษัท ออร์บิทัล เลเซอร์ (Orbital Laser) จากญี่ปุ่น ประกาศร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ในการให้บริการกำจัดขยะอวกาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาวเทียมที่หมดอายุการใช้งานแล้ว รวมถึงการยืดอายุการใช้งานของยานอวกาศ

บริษัท ออร์บิทัล เลเซอร์ ซึ่งแยกตัวออกมาจากบริษัทดาวเทียมยักษ์ใหญ่อย่าง Sky Perfect JSAT กำลังพัฒนาระบบสุดล้ำที่ใช้ เลเซอร์พลังงานสูง เพื่อจัดการกับเศษซากในอวกาศ โดยหลักการทำงานคือการยิงเลเซอร์เพื่อระเหยชิ้นส่วนขนาดเล็กบนพื้นผิวของเศษซาก ทำให้เศษซากเหล่านั้นหยุดการหมุน ซึ่งจะช่วยให้ยานอวกาศซ่อมบำรุงเข้าเทียบท่าได้ง่ายขึ้น

นาย Aditya Baraskar หัวหน้าฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศของ Orbital Laser ระบุว่า บริษัทมีแผนจะสาธิตระบบนี้ในอวกาศและพร้อมให้บริการเชิงพาณิชย์หลังปี 2570 ซึ่งระบบนี้สามารถนำมาติดตั้งบนดาวเทียมของอินสเปซิตี้ได้ หากได้รับอนุญาตตามกฎระเบียบของทั้งสองประเทศ

ตลาดธุรกิจอวกาศที่กำลังเติบโต

ปัญหาความแออัดของวงโคจรโลกกำลังเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทั่วโลกต้องร่วมมือกัน คณะกรรมการของสหประชาชาติ (UN) ด้านการจัดการจราจรในอวกาศระบุว่าจำเป็นต้องมีการติดตามและจัดการวัตถุในวงโคจรต่ำอย่างเร่งด่วน เนื่องจากจำนวนดาวเทียมและขยะอวกาศที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีบริษัทมากกว่า 100 แห่งที่เข้ามาดำเนินงานในตลาดซ่อมบำรุงในอวกาศ เพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มดาวเทียม

ความร่วมมือที่มากกว่าแค่การกำจัดขยะ
โครงการนี้เป็นเพียงอีกหนึ่งตัวอย่างของความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างอินเดียและญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีภารกิจสำรวจดวงจันทร์ร่วมกันในปี 2569 รวมถึงความร่วมมือด้านอื่นๆ เช่น บริษัท Skyroot Aerospace ของอินเดีย และ Hex20 ผู้ผลิตดาวเทียม ก็กำลังร่วมมือกับ i-space บริษัทสำรวจดวงจันทร์ของญี่ปุ่น เพื่อส่งยานไปโคจรรอบดวงจันทร์
นาย Masayasu Ishida ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Spacetide องค์กรไม่แสวงผลกำไรด้านอวกาศในกรุงโตเกียว กล่าวว่า ความร่วมมือเชิงพาณิชย์ด้านอวกาศระหว่างสองประเทศกำลังได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้ข้อมูลดาวเทียมของญี่ปุ่นในการจัดการภัยพิบัติและการเกษตรในอินเดีย และอาจขยายไปยังด้านอื่นๆ เช่น การผลิตในอนาคต

เขาทิ้งท้ายว่า “กุญแจสำคัญคือการค้นหาว่าควรสร้างความสัมพันธ์ที่เกื้อหนุนกันในด้านใดและอย่างไร” เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของชาติ อย่างโครงการ ‘Made in India’ ที่มุ่งส่งเสริมการผลิตภายในประเทศ

ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของทั้งสองประเทศในการร่วมมือกันพัฒนาโซลูชันด้านอวกาศ

เนื้อหาที่น่าสนใจ