เด็กหญิงที่เคยต้องขอทานกับพ่อตาบอด ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว!

เรื่องราวชีวิตที่น่าทึ่งของเด็กหญิงชาวจีนคนหนึ่งที่ต้องออกไปขอทานกับพ่อผู้พิการทางสายตาตั้งแต่เธออายุ 7 ขวบ ได้กลายเป็นที่สนใจของคนทั้งประเทศอีกครั้ง หลังจากที่เธอได้รับเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ซึ่งจุดประกายให้เกิดการพูดคุยถึงประเด็นทางสังคมอย่างกว้างขวาง

ขอบคุณภาพจาก : scmp

ในปี 2013 จาง เหยียน จากมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ได้รับความสนใจจากสื่อทั่วประเทศ หลังจากที่มีรายงานว่าเธอเป็นผู้นำทางพ่อที่ตาบอดชื่อ จาง ซื่อหมิง เพื่อออกไปขอทานตามท้องถนนเพื่อความอยู่รอด

พ่อของเธอประสบอุบัติเหตุถูกตะปูขึ้นสนิมแทงที่ตาในปี 2010 แต่เพราะไม่มีเงินรักษา ทำให้แผลติดเชื้อและลามไปถึงตาอีกข้าง จนในที่สุดเขาก็ตาบอดอย่างถาวร หลังจากพ่อพิการ แม่ของเธอก็เริ่มมีปัญหาทางสุขภาพจิตอย่างรุนแรง และลูกชายคนเล็กก็ถูกวินิจฉัยว่าเป็นผู้พิการทางสติปัญญา

ในวัยเด็ก จาง เหยียนต้องคอยนำทางพ่อไปขอทานที่สถานีขนส่งอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเธอยอมรับว่าเคยรู้สึกด้อยค่าและกังวลกับสายตาของผู้คน แต่โชคดีที่ครูและเพื่อนร่วมชั้นเรียนใจดีกับเธอมาก ทำให้เธอสามารถเผชิญหน้ากับความยากลำบากได้อย่างมีทัศนคติเชิงบวก

ขอบคุณภาพจาก : scmp

แม้จะเติบโตในครอบครัวที่ยากจน แต่จาง เหยียนก็เป็นเด็กที่เรียนเก่งมาตั้งแต่เด็ก และกำแพงบ้านของเธอก็เต็มไปด้วยประกาศนียบัตรที่เธอได้รับมากมาย ปัจจุบันพ่อแม่ของเธอดำเนินชีวิตด้วยการเปิดแผงขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ไฟแช็กและถ่านไฟฉาย และได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อการยังชีพ

ขอบคุณภาพจาก : scmp

ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จาง เหยียนได้รับจดหมายตอบรับจาก มหาวิทยาลัยครูเฉิงตู ในมณฑลเสฉวน โดยเธอจะเข้าเรียนในสาขาวิชาฟิสิกส์ ซึ่งหลักสูตรนี้รับประกันว่าเธอจะได้บรรจุเป็นครูในบ้านเกิดที่อำเภอหนานเจียงทันทีที่เรียนจบ

“หลังจากเรียนจบ ฉันหวังว่าจะได้เป็นครูในอำเภอหนานเจียง” เธอกล่าว

นั่นจะทำให้ฉันสามารถดูแลตัวเองและครอบครัวได้

“ฉันยังหวังว่าจะใช้การศึกษาเพื่อช่วยให้เด็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกลได้ก้าวออกจากความยากจน และฉันเชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นที่บ้าน ฉันจะเดินหน้าต่อไปอย่างกล้าหาญ”

เรื่องราวการต่อสู้ของเธอไม่เพียงแต่สร้างความประทับใจให้กับชาวเน็ตนับไม่ถ้วน แต่ยังจุดประกายให้เกิดการถกเถียงอย่างเข้มข้นในประเด็นทางสังคมอีกด้วย “เธอเป็นเด็กที่ดีมากจริง ๆ ขอให้เธอมีอนาคตที่สดใสและรุ่งโรจน์” ชาวเน็ตคนหนึ่งกล่าว ขณะที่อีกคนตั้งคำถามว่า “แม้ในสภาพแบบนี้ พวกเขาก็ยังมีลูกถึง 5 คนได้อย่างไร? แล้วลูกสาวคนโตจะต้องเผชิญกับชีวิตแบบไหนกันแน่?”

เนื้อหาที่น่าสนใจ