พบ ‘แมลงสาบ’ ตัวเป็น ๆ อยู่ในลำไส้ ในชายที่ป่วยด้วยอาการอาหารไม่ย่อย!

เรื่องราวสุดแสนจะน่าขยะแขยงที่แทบไม่น่าเชื่อ เมื่อชายคนหนึ่งไปหาหมอด้วยอาการอาหารไม่ย่อย แต่กลับพบว่าต้นเหตุของอาการนี้คือ แมลงสาบตัวเป็น ๆ

อาการอาหารไม่ย่อยเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ แต่เรื่องราวของชายคนนี้แตกต่างออกไป ผู้ป่วยชาวอินเดียคนหนึ่งบ่นกับแพทย์ว่ามีอาการอาหารไม่ย่อยหลังจากกินอาหาร แต่สาเหตุที่แท้จริงคือ แมลงสาบยาว 3 ซม. ที่ยังมีชีวิตอยู่ภายในร่างกายของเขา คำถามคือมันเข้าไปได้อย่างไร?

ขอบคุณภาพจาก : unilad

ภารกิจเอาตัวรอดของแมลงสาบ

ชายวัย 23 ปีคนนี้เล่าว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้นเขาได้กินอาหารข้างทางที่ตลาดกลางคืน และเชื่อว่านั่นเป็นต้นเหตุของปัญหา แต่แพทย์ระบบทางเดินอาหารสันนิษฐานว่าแมลงสาบตัวนี้อาจจะคลานเข้าไปในลำคอของเขาขณะที่เขากำลังนอนหลับอยู่

คุณหมอชูบัม วัตสยา ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารอาวุโส กล่าวกับ Indian Express ถึงเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้และวิธีการนำแมลงสาบออกมา “แม้แต่พวกเราเองก็ยังประหลาดใจว่าแมลงสาบตัวนี้รอดมาได้อย่างไร ผู้ป่วยมีอาการอาหารไม่ย่อยและท้องอืดหลังกินอาหารมา 2-3 วัน และในระหว่างการตรวจตามปกติ เราก็บังเอิญเจอแมลงสาบตัวนี้”

ขอบคุณภาพจาก : unilad

หลังจากที่ทราบปัญหาแล้ว แพทย์ก็แนะนำให้ส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้ส่วนบนเพื่อหาสาเหตุของอาการปวดท้องและอาหารไม่ย่อย คุณหมอกล่าวว่า “เราเปิดปุ่มดูดบนกล้องส่องลำไส้ และดูดแมลงสาบเข้าไปในช่องดูดได้สำเร็จ ทำให้มันออกมาจากร่างกายและช่วยชีวิตชายคนนี้ไว้ได้” และอธิบายเพิ่มเติมว่าการมีแมลงสาบตัวเป็น ๆ อยู่ในลำไส้เล็กนั้นอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ถือว่าชายหนุ่มคนนี้โชคดีมากที่รอดมาได้

ความเห็นจากชาวเน็ต

เรื่องราวนี้แพร่กระจายไปยังโซเชียลมีเดีย และผู้คนบน Reddit ก็รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ใช้คนหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า “ฉันจะแกล้งทำเป็นว่าไม่ได้อ่านเรื่องนี้และใช้ชีวิตต่อไป”  ขณะที่อีกคนตั้งคำถามว่าแมลงสาบรอดมาได้อย่างไร “ฉันเดาว่ามันคงเจอสภาวะกรดในกระเพาะและรีบมุดหาทางออกที่ใกล้ที่สุด”

ผู้ใช้อีกคนก็แสดงความเห็นว่า “เวลาพูดถึงภัยพิบัตินิวเคลียร์ พวกเขาบอกว่าแมลงสาบจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีโอกาสรอดชีวิตจากรังสีมากที่สุด และตอนนี้เรารู้แล้วว่ามันสามารถรอดชีวิตได้ในลำไส้ของเราด้วย”

บางคนก็พูดติดตลกว่า “สงสัยได้เวลาเลิกกินอาหารแล้วล่ะ ต่อไปคงต้องกินสารอาหารทางสายน้ำเกลือแทน” ซึ่งก็เป็นความคิดที่สมเหตุสมผล หลังจากได้อ่านเรื่องราวที่น่าสะอิดสะเอียนนี้แล้ว ก็คงไม่มีใครอยากกินอะไรอีกไปพักใหญ่เลย

เนื้อหาที่น่าสนใจ