โจรย่องเบาเข้าบ้าน ไม่ขโมยของ แต่ยืนส่องเจ้าของบ้านนานครึ่งชั่วโมง

โจรย่องเบาเข้าบ้าน ไม่ขโมยของ แต่ยืนส่องเจ้าของบ้านนานครึ่งชั่วโมง

เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานเหตุการณ์สุดช็อกที่เกิดขึ้นกับคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งในเมืองมาร์เบยา แคว้นอันดาลูซิอา ทางตอนใต้ของประเทศสเปน เมื่อโจรชายรายหนึ่งแอบย่องเบาเข้ามาในบ้านในช่วงกลางดึกขณะที่เจ้าของบ้านกำลังหลับ แต่ที่น่าตกใจคือ เขาไม่ได้ขโมยของมีค่า แต่กลับมายืนส่องไฟดูคู่สามีภรรยาที่นอนหลับอยู่บนเตียงนานกว่าครึ่งชั่วโมง โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่นอนอยู่ในสภาพเปลื้องผ้า สร้างความหวาดกลัวและส่งผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรง

ตามรายงานเผยว่า ปิลาร์ และ อเล็กซ์ เจ้าของบ้าน พบว่าเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีเงินหายไป 300 ยูโร (ราว 11,300 บาท) จากบ้าน ทั้งสองจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในบ้าน ก่อนที่จะต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นภาพของชายสวมผ้าปิดบังใบหน้าแอบบุกรุกเข้ามาในบ้าน แต่ที่ทำให้ทั้งสองสะเทือนขวัญที่สุดคือพฤติกรรมของโจรรายนี้

คลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่า โจรรายนี้เดินเข้าเดินออกห้องนอนที่ทั้งสองกำลังนอนหลับอยู่ถึง 8 ครั้ง ในระยะเวลานานกว่า 32 นาที เขาพยายามใช้ไฟฉายส่องสำรวจไปที่ร่างกายของปิลาร์ที่นอนอยู่โดยไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า เขาสำรวจดูทั่วเรือนร่างของเธอ รวมถึงส่วนที่เป็นจุดลับ ปิลาร์เชื่อว่าโจรรายนี้ไม่ได้ตั้งใจจะมาขโมยของ แต่ต้องการจะคุกคามเธอขณะหลับ

หลังจากรับรู้เหตุการณ์ คู่สามีภรรยารีบไปแจ้งความ โดยขณะนี้ตำรวจท้องที่กำลังสืบสวนคดีและวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อระบุตัวผู้ต้องสงสัย แต่ยังไม่มีการจับกุมผู้ใด รายงานเบื้องต้นระบุว่า โจรรายนี้เข้ามาในบ้านทางประตูระเบียง และได้ขโมยเงินไปจำนวน 300 ยูโร (ราว 11,300 บาท) แต่ไม่ได้ขโมยของมีค่าอื่น ๆ

เคราะห์ดีที่ลูกชายวัย 18 ปี ของปิลาร์และอเล็กซ์ ซึ่งนอนหลับอยู่ในห้องด้านข้างระหว่างเกิดเหตุ ไม่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกายจากเหตุการณ์ดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ปิลาร์เผยว่า เธอได้รับผลกระทบทางจิตใจจากเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวนี้อย่างหนัก เธอต้องทนทุกข์ทรมานจากฝันร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า และต้องนอนหลับโดยปิดประตูและหน้าต่างทั้งหมด โดยขณะนี้เธอกำลังเข้ารับการรักษาและบำบัดทางจิต

“ผู้ชายคนนั้นไม่ได้มาขโมยของที่บ้านหรอก แต่เขามาเพื่อทำอะไรบางอย่างกับฉัน เมื่อคืนก่อนฉันอยู่บ้านคนเดียวด้วย แล้วถ้าเขามาตอนนั้น มันจะเกิดอะไรขึ้น ? ฉันรู้สึกเหมือนถูกละเมิดโดยโจรจิตป่วย” ปิลาร์กล่าวทิ้งท้าย

เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้เสียหาย แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นได้แม้ในยามที่เราคิดว่าปลอดภัยที่สุด