นักวิจัยเผยปริศนา DNA ลึกลับของ “แมงมุมนักเต้น” ที่มีถึง 100 กว่าสปีชีส์!

แมงมุมนกยูง

ปริศนา DNA ลึกลับของแมงมุมนักเต้น เผยเบื้องหลังวิวัฒนาการสู่สปีชีส์ใหม่

นอกจากสีสันที่สวยงามและลีลาการเต้นที่น่าทึ่งแล้ว สิ่งที่ทำให้ “แมงมุมนกยูง” (Peacock spider) ของออสเตรเลียมีความพิเศษคือจำนวนสายพันธุ์ที่มีมากกว่า 100 ชนิด ในขณะที่สัตว์ส่วนใหญ่มีเพียง 5-10 ชนิดเท่านั้น

นักวิจัยเชื่อว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจาก “ดีเอ็นเอมืด” (dark DNA) ซึ่งเป็นส่วนลึกลับในรหัสพันธุกรรมของพวกมัน โดยดีเอ็นเอมืดนี้อาจช่วยให้แมงมุมปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ๆ

นายโจนาห์ วอล์คเกอร์ หนึ่งในทีมวิจัยจากสถาบันแซงเกอร์กล่าวว่า “เราสนใจว่าแมงมุมเหล่านี้มีวิวัฒนาการที่หลากหลายได้อย่างไร แมงมุมนกยูงเป็นกรณีสุดโต่งของการปรับตัว ดังนั้นการศึกษาพวกมันจะช่วยให้เราเข้าใจกระบวนการที่สร้างความหลากหลายทางชีวภาพในภาพรวมได้”

แมงมุมนกยูง
ขอบคุณภาพจาก : Jonah Walker

จากผู้ที่กลัวแมงมุม สู่การค้นพบที่ยิ่งใหญ่

นายวอล์คเกอร์ ซึ่งเคยกลัวแมงมุมมาก่อน ได้เอาชนะความกลัวและหันมาศึกษาแมงมุมนกยูงเพื่อทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก โดยการทำงานร่วมกับดร. โจแอนนา ไมเออร์ และทีมงานนานาชาติ พวกเขาได้เก็บรวบรวมแมงมุมทุกสายพันธุ์ที่ค้นพบ แล้วทำการบันทึกข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งพฤติกรรม การเคลื่อนไหว และเสียงเพลงของพวกมัน ก่อนจะนำข้อมูลทั้งหมดไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอ เพื่อหาคำตอบว่ายีนใดมีบทบาทต่อลักษณะเฉพาะต่างๆ

แม้จะเป็นการศึกษาในช่วงเริ่มต้น แต่ทีมงานก็พบเบาะแสสำคัญว่า “ดีเอ็นเอมืด” ซึ่งไม่ใช่ส่วนที่เป็นยีน แต่อยู่ระหว่างยีนต่างหากที่อาจมีอิทธิพลต่อวิวัฒนาการของแมงมุม

แมงมุมนกยูง
ขอบคุณภาพจาก : Jonah Walker

ปริศนาดีเอ็นเอมืดและโปรเจกต์ระดับโลก

แมงมุมนกยูงมีปริมาณดีเอ็นเอมืดมากกว่ามนุษย์ถึง 3 เท่า นักวิจัยจึงเชื่อว่าส่วนนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เกิดความหลากหลายอย่างมหาศาล

การศึกษาวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ Earth BioGenome ซึ่งเป็นโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ที่มีเป้าหมายถอดรหัสพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลก ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ หรือเห็ดราภายใน 10 ปีข้างหน้า โดยขณะนี้ถอดรหัสไปแล้วกว่า 3,000 ชนิด และตั้งเป้าจะถอดให้ได้ 10,000 ชนิดในปีหน้า

แมงมุม
ขอบคุณภาพจาก : Jonah Walker

ดร.ไมเออร์ กล่าวว่า “การทำความเข้าใจดีเอ็นเอของสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันจะช่วยให้เราเรียนรู้หลักการทำงานของยีนและหน้าที่ของดีเอ็นเอมืด ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจตัวเราเองมากขึ้นด้วย”

ความรู้ที่ได้รับจากโครงการนี้จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจวิวัฒนาการและความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างสิ่งมีชีวิตทั้งหมดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เนื้อหาที่น่าสนใจ